วัดแดงเชิงเขาพระบาท เชียรใหญ่ นครศรีธรรมราช

    วัดแดงเชิงเขาพระบาท เชียรใหญ่ นครศรีธรรมราช มีอุโบสถโถง ๕ ห้องมุงกระเบื้องกาบู (กาบกล้วย) ได้รับการซ่อมครั้งใหญ่ในราว พ.ศ. ๒๔๖๕ ตามปรากฏจารึกที่ขื่อห้องหน้าพระประธาน ซึ่งน่าจะได้เปลี่ยนตัวไม้สำคัญจำนวนมาก และหากระบบโครงสร้างเครื่องประดุ (ม้าต่างไหม) สมัยอยุธยาจะหลงเหลืออยู่ ก็คงจะถูกปรับเป็นระบบจันทันในห้วงเวลานี้ การซ่อมครั้งนั้นได้รักษากระเบื้อกาบูกลับมามุงไว้ดังเดิม วัดแดงมีมาแล้วตั้งแต่ครึ่งแรกของพุทธศตวรรษที่ ๒๓ เป็นอย่างน้อย ตามปรากฏภาพ และตำแหน่งในแผนที่กัลปนาวัดพะโค๊ะ ระบุชื่อว่า “วัดแผดง”

    คำ แผดง – ประแดง นี้ จิตร ภูมิศักดิ์ เสนอว่ากร่อนมาจาก กมรเตง ภาษาเขมรซึ่งเป็นคำนำหน้าบุคคลชั้นสูง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีศักดิ์สูง ยังปรากฏตำแหน่งแผดง – ประแดง อีกหลายแห่งในตราสามดวง กรณีในภาคกลางเรามีเมืองพระประแดง (เก่า) ที่ได้ชื่อเพราะเจอรูปเคารพเขมร ๒ องค์ระหว่างขุดคลอง วัดแดง หรือวัดแผดงจะได้ชื่อเพราะเจอรูปเคารพเขมรอย่างที่พระประแดง ? ผมคิดว่าไม่ใช่ ในเอกสารภาคใต้มีบุคคลที่มีชื่อขึ้นต้นด้วยแผดงหลายคน ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าบุคคลที่ชื่อขึ้นต้นด้วยแผดงเหล่านี้จะมีสถานะ หรือตำแหน่งพิเศษอย่างไร

    (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตนิยามคำว่า แผดง – ประแดง ไว้ ๒ ความหมาย ๑. (ศัพท์โบราณ) คนเดิรหมาย คนนำข่าวสาร ๒. พนักงานตามคน, ตำแหน่งข้าราชการในสำนักพระราชวัง) มีแผดงสำคัญมีชื่อสองคน ปรากฏอยู่ในเอกสารที่มีพื้นภูมิของเรื่องอยู่ในย่านปากพนัง และสทิงพระ ได้แก่

    #แผดงศรีทิรม ผู้ขอที่จากพระณไสยมุยสร้างรูปพระโคะบนเขาภีพัชสิง เขาภีพัชสิงจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นเขาพะโคะ แต่เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นก่อนครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ ๒๒ ตำนานพระธาตุนครเลขที่ ๗๗ ว่าด้วยที่กัลปนาหัวปากพัวพันพนัง กล่าวถึงแผดงมีชื่ออีก ๑ คน ได้แก่ #แผดงจิตรทุม ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะ ๓ หญิง ๓ ชาย ที่เดิรทางมาพร้อมกับพระสังฆเถรเหม และออกนางศรีจากศรีลังกา มาตั้งชุมชนที่เขาพระบาทเชียรใหญ่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๒ ด้วยห้วงเวลาและสถานที่ค่อนข้างสอดคล้องกับหลักฐานที่ตั้ง และแผนที่กัลปนาวัดพะโค๊ะนี้ น่าสงสัยว่าวัดแผดงจะได้ถูกสร้างโดยแผดงจิตรทุมผู้นี้ จึงเรียกกันว่าวัดแผดง ?

    ตำนานพราหมณ์เมืองนครยังกล่าวถึงแผดงอีก ๒ ชื่อ (ตำแหน่ง) คือ แผดงธรรมานารายณ์ กับแผดงศรีกาเกีย ซึ่งเป็นพราหมณ์ และยุคสมัยไม่เกี่ยวข้องกัน ตำนานท้องถิ่นปัจจุบันอธิบายว่าวัดแดง สร้างโดยหญิงชื่อว่าแดง จึงได้ชื่อว่าวัดแดง ปัจจุบันมีการทำรูปบูชา ทวดแดง ในลักษณะของหญิงชราใบหน้ายิ้มแย้มมีเมตตตาไว้ที่ทางเข้าวัด ยังมีตำนานอีกเวอร์ชันนึงที่แพร่หลายน้อยกว่า อธิบายว่ามีไม้แดงขึ้นในบริวารวัดมาก จึงได้ชื่อวัดแดงนี้ อุโบสถเก่าหลังเล็ก ๆ และวัดเล็ก ๆ นี้เป็นประจักษ์พยานของประวัติศาสตร์พื้นที่คาบสมุทรภาคใต้ที่สำคัญไม่น้อย หากท่านใดมีแรงมีกำลังสนใจที่จะเอื้อเฟื้อการบูรณะปฎิสังขรณ์ได้ก็ลองติดตามกันดูครับ

เผยแพร่ครั้งแรกใน - https://web.facebook.com/groups/148487171993034/search/?q=Surachet%20Keawsakun&_rdc=1&_rdr

ใส่ความเห็น