ฉากที่ ๑๐ พระนางเหมชาลา พระทนธกุมารถึงเกาะลังกา

    พระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมารขึ้นฝั่งที่ลังกา ร่ำลากับเหล่าชาวเรือแล้วแจ้งว่าจะเข้าไปสืบหาญาติของตนในเมือง ครั้งเข้ามาในเมืองแล้ว ทั้งสองได้ไปเข้าเฝ้าพระสังฆราชซึ่งเป็นพระญาติของพระเจ้าทศคามมุนีกษัตริย์ลังกา แล้วแจ้งว่าพวกตนได้เดินทางมาจากนครทนทบุรีเพื่อสืบหาญาติ พระสังฆราชสั่งให้คนจัดเตรียมที่พักให้กับพระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมารในพระอารามนั้น

๏ กล่าวถึงเจ้าสองศรี ถึงกุฎีด้วยเร็วไว

สองราวันทาไป ตรงหน้าไทยพระสังฆรา…

    ตกกลางคืน พระนางเหมชาลานำพระทันตธาตุออกจากมุ่นพระเกศา ประดิษฐานไว้ทางหัวนอน เมื่อกระทำการสักการะบูชาแล้วก็หลับไป ในคืนนั้นพระทันตธาตุก็แสดงปาฎิหาริย์ เปล่งฉัพพรรณรังสีปรากฏออกมาให้พระสังฆราช และเหล่าสงฆ์ในพระอารามได้เห็นสว่างไสวไปทั้งพระอาราม ต่างพากันประหลาดใจ แต่ยังไม่ทราบความเป็นไปว่าเกิดเรื่องใดขึ้น

๏ เพลาในราตรี เจ้าสองศรีบรรทมใน

ทนต์ธาตุพระบาทไซร้ นางคลี่คลายจากเกศา

๏ เอาตั้งไว้เหนือเกล้า ทั้งสองเจ้าทำวันทา

วันนั้นทนต์ศาสดา ให้แจ้งตาคนทั้งหลาย

๏ มาถึงเมืองลังกา ธาตุศาสดาถึงทำนาย

หามีราคีไม่ ใครจะเบียนได้สองนงคราญ

๏ ฉัพพรรณรังสี มีรัศมีหกประการ

เหลืองแดงแสงชัชวาล เขียวขาวพานงามมีสี

๏ ช่วงโชติถึงโกลา ดาวดึงสาเห็นจะแจ้ง

พระอาทิตย์ฤทธิแรง รัศมีแข็งแรงนักหนา

๏ บ่เทียมแสงพระเจ้า รัศมีท้าวพ้นคณนา

พระสังฆราชา เถรเถรามาอัศจรรย์…

    ยังมีเณรรูปหนึ่งสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ทราบความเป็นไปโดยทิพยญาณก็แจ้งแก่พระสังฆราช พระสังฆราชก็มีพุทธฎีกาให้หาพระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมารเข้ามาซักถาม

    พระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมารเล่าความเป็นไปทั้งหมดให้พระสังฆราชทราบ แล้วพระสังฆราชจึงเอ่ยของพระทันตธาตุนั้น แต่พระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมารไม่ยอมถวายให้ ด้วยตั้งใจจะถวายแก่พระเจ้าทุศคามมุนีกษัตริย์ลังกาด้วยตนเองในวันรุ่งขึ้น

๏ ครานั้นทนกุมาร นางนงคราญเหมชาลา

ทูลความตามสัจจา ข้าพเจ้าพาธาตุมุนี

๏ มาถวายเจ้าลังกา ตามบิดาสั่งข้านี้

อยู่กรุงทนทบุรี พระพันปีชีวาสัญ…

ใส่ความเห็น