ฉากที่ ๒๗ พันธสัญญาระหว่างพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช กับท้าวอู่ทอง

    ทว่าด้วยเหตุนี้เองความได้ทราบไปถึงท้าวอู่ทองแห่งเมืองทนธบุรี อันเป็นเมืองใหญ่มั่งคั่ง มีรี้พลมากดุจเดียวกับพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ท้าวอู่ทองทรงต้องการให้พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชเข้ามาขึ้นต่อพระองค์ จึงส่งพระราชสาส์นเรียกตัวพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชให้มายังเมืองทนธบุรี ฝ่ายพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชได้พระราชสาส์นก็ปฎิเสธ บอกแก่ทูตท้าวอู่ทองว่าท้าวอู่ทองควรเป็นฝ่ายมาพบพระองค์

    ครั้นทราบความระหว่างกันดังนี้ ท้าวอู่ทองจึงจัดกองทัพ กำลังพล ๑๐ แสน ยกลงไปรบกับพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ฝ่ายพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชทราบก็แต่งกองทัพกำลังพล ๑๐ แสนดุจเดียวกันยกขึ้นไปรับรบท้าวอู่ทอง ครั้นกองทัพทั้งสองเข้าปะทะกันก็เกิดเป็นโกลาหล ไพร่พลล้มตายมาก แต่ไม่มีฝ่ายใดแพ้ชนะ พระเจ้าศรีธรรมาโศกเห็นผู้คนของพระองค์ล้มตายเช่นนี้ก็สลดใจ ว่าได้ทรงตั้งมันในศีลธรรมในพระศาสนามาช้านาน บัดนี้ทำให้สิ้นชีวิตไปเสียมาก ก็ให้นัดหมายเจรจากับท้าวอู่ทองเรื่องยุติการรบ และปักปันเขตแดนไม่ทับซ้อนกัน โดยให้เตรียมทำเนียบเพื่อจะทำสัญญาตกลงกันในวันรุ่งขึ้น

    ในคืนนั้นพระอินทร์ทรงทราบความเป็นไปทั้งหมด ก็ให้พระเพสนูกรรช่วยหาวิธีปักปันเขตแดน #พระเพสนูกรรจึงบรรดาลให้ต้นไม้ระหว่างทำเนียบเจรจาของกษัตริย์ทั้งสองแหวกออกเป็นแนว ฝ่ายหนึ่งแหวกขึ้นเหนือ ฝ่ายหนึ่งแหวกลงใต้เสมือนเป็นหลักเขตแดน กษัตริย์ทั้งสองเจรจาปักปันเขตแดนตามเส้นแบ่งที่พระเพสนูกรรนิรมิตรไว้ และสัญญาเป็นมิตรกัน

    โดยพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชเรียกแทนพระองค์เองว่า น้า ท้าวอู่ทองเรียกแทนพระองค์เองว่า หลาน แล้วพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชตรัสแก่ท้าวอู่ทองว่า ในชั่วชีวิตของพระองค์เมืองของพระองค์จะไม่ขึ้นแก่ท้าวอู่ทอง แต่หากพระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้วก็แล้วแต่ท้าวอู่ทองจะปรารถนาเถิด ท้าวอู่ทองจึงว่าหากพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชสิ้นพระชนม์แล้วขอเมืองนั้นได้ตกแก่ท้าวอู่ทองเถิด พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชก็ตกลงตาม แล้วต่างแยกย้ายกันกลับคืนสู่บ้านเมืองของตน

    พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชครองราชย์ต่อมาด้วยความสวัสดี บ้านเมืองเป็นปึกแผ่นร่มเย็นเรื่อยมาจนสวรรคต ครั้นสวรรคตแล้วเมืองของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชจึงขึ้นต่อท้าวอู่ทองตามที่กษัตริย์ทั้งสองได้ตกลงกันไว้

ใส่ความเห็น