ระฆังสมัยอยุธยาที่มีอยู่ในกรุงนครศรีธรรมราชเท่าที่ทราบ

ลิขสิทธิ์ภาพเป็นของ The Library At Nakorn

    รีเสิร์ชเพื่อประกอบการทำแบบกระดิ่งแขวนรอบลานประทักษิณพระบรมธาตุ แล้วคงทำเป็นรายงานชิ้นเล็ก ๆ ประกอบไปกับงานซักงานหนึ่งเพื่อจะได้เซตองค์ความรู้เป็นพื้นฐาน ระฆังทั้งหมดนี้เว้นของวัดพระเลียบ ได้เก็บข้อมูลอย่างละเอียดด้วยเทคนิคโฟโตแกรมเมตรีแล้ว ได้ทราบความหนาและกลไกอื่น ๆ แวดล้อมด้วยซึ่งอาจได้พูดถึงภายหลัง

การเก็บข้อมูลนี้ได้คุณ Samart Sarem ช่วยเหลือด้วยความอุตสาหะทุกครั้ง

    1.”ระฆังวัดหน้าพระลาน” ปรากฏจารึกเก่าสุด 2170 แขวนอยู่บนหอระฆังตีอยู่ทุกวัน ระฆังนี้ได้รู้ว่ามีเพราะพระอาจารย์ Chanaka Kung ลงภาพว่าสามเณรภูตะวันพามาดู หูระฆังหักหายไปถ้าสมบูรณ์เชื่อว่าเหมือนกับของวัดท้าวโคตร ระฆังนี้ระบุว่าสร้างโดยการนำของพระบาทเจ้าพระอินทราช วัดหน้าพระลานนี้ดูมีพระที่ถูกออกหน้านามด้วยคำ พระบาทเจ้า บาทเจ้า อยู่มากองค์

    2. “ระฆังวัดท้าวโคตร” ปรากฏจารึก 2183 ว่าเป็นของวัดศภตะวันออก ระฆังนี้ได้รู้ว่ามีอยู่เพราะคุณวลัยลักษณ์ ทรงศิริไปดูแล้วลงภาพ ดูตอนนั้นอ่านจารึกยังไม่ได้เนื้อความ จึงตามไปดูเพราะเชื่อว่าน่าจะมีจารึกที่พูดถึงวัดสบเดิมที่รวมเข้ากับวัดท้าวโคตรเดี๋ยวนี้ ระฆังนี้หูเป็นนาค เศียรนาคหักไป

    3. “หัวระฆังจากวัดคงคาวดี” ปรากฏจารึก 2203 และ 2210 มีแต่หัวไม่มีใบอยู่ที่ พช.นครศรีธรรมราช ไม่เคยเห็นตัวจริง ไปดูที่พิพิธภัณฑ์ก็ไม่เห็นแสดงอยู่

    4. “ระฆังหน้าพระม้า” ปรากฏจารึก 2230 เห็นมาช้านานแต่เด็ก เป็นระฆังที่เก่าที่สุดในประเทศนี้ใบหนึ่งที่ยังให้คนได้เที่ยวตีอยู่ ได้ทำหน้าที่รับใช้พระศาสนา และส่งเสียงบูชาพระศาสนามาอย่างยาวนานไม่คิดเกษียนอายุอย่างระฆังที่อื่น

    5. “ระฆังวัดเขาแก้วพิเชียร” ปรากฏจารึก 2242 เชิญมาเมื่อร้อยกว่าปีก่อนช่วงที่เริ่มจัดตั้งพิพิธภัณฑ์วัดพระมหาธาตุ ตอนนี้เก็บรักษาอยู่ที่ฐานพระมหาโพธิลังกา

   6. “ระฆังวัดพระเลียบ” ปรากฏจารึก 2245 ยังใช้ตีอยู่จนเดี๋ยวนี้ หูระฆังหักซ่อมใหม่ แต่ซ่อมแล้วดูเหมือนผู้ซ่อมเคยเห็นหูเก่าจึงทำได้เข้าทีกับลักษณะงานรุ่นนั้นมาก

   7. “ระฆังวัดสวนป่าน” ไม่ปรากฏจารึก ทรงคล้ายระฆังเวียดนาม ได้รู้ว่ามีอยู่เพราะคุณ Eak Wongcharoonlak มาเที่ยวนครเมื่อลากพระปีก่อนแนะนำให้มาดู เป็นระฆังที่มีกลไกซับซ้อนสมบูรณ์ ตอนแรกเชื่อว่าคงเป็นรุ่นปราสาททอง แต่ดูทรงดูคอระฆังแล้วใกล้กับระฆังวัดพระเลียบมาก จึงจัดลำดับให้อยู่ในรุ่นเดียวกัน

    8. “ระฆังคณะเหนือวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร” ปรากฏจารึกปี 2266 ยังใช้ตีบอกเวลาอยู่จนเดี๋ยวนี้ ระฆังนี้เมื่อ 2445 กรมพระยานริศมาเห็นวางอยู่ข้างวิหารเขียน ตรัสว่าเหมือนกันกับที่วัดใหญ่พิษณุโลกกับบรมธาตุชัยนาท ได้ดูแล้วก็เห็นจริง ยังนึกได้สมัยอยู่ มน.ยังได้ไปดูระฆังที่วัดใหญ่อยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ได้เฉลียวใจหาดูระฆังที่นครด้วย จารึกว่าท่านวัดท่าโขลงใหญ่สร้าง

    ระฆังวัดเสมาเมือง ยังใช้ตีอยู่จนบัดนี้ ได้รู้ว่ามีอยู่เพราะคุณ Eak Wongcharoonlak มาเที่ยวนครเมื่อลากพระปีก่อนแนะนำให้มาดู มีจารึกที่เดียวกับระฆังคณะเหนือ แต่กร่อนมากนัก ควานหาปีที่หล่อมาได้จากการเพ่งอยู่นานโดยชวนคนมาช่วยดูหลายคนพบว่ามีเลข 2299 เหลืออยู่ คงคือปีที่หล่อนี้ ฝีมือสำนักเดียวหรือร้านค้าเดียวกันกับระฆังคณะเหนือ สัดส่วนก็ไม่ต่างกันมาก สองใบนี้เมื่อรวมกับที่พบในภาคกลางแล้วอีก 3 ใบ เชื่อว่าคงมีช่างและโรงหล่อในอยุธยาที่ผลิตและส่งออกไป กระบวนเป็นมาตรฐานมากเกินกว่าจะเลียนแบบโดยช่างนอกสำนักได้

    ทั้ง 8 ใบนี้ เว้นวัดพระเลียบ ไม่ได้แสดงขนาดตามจริง แต่ปรับส่วนให้แต่ปากระฆังถึงคอระฆังเท่ากันเพื่อพิจารณาส่วนแห่งระฆังว่าเป็นอย่างไร จะเห็นว่าส่วนส่วนแต่ปากถึงใต้คอนั้นแม้อ้วนผอมต่างแต่ก็กินส่วนไม่ต่างกันมาก ดูมีมาตรฐานทีเดียว ถ้าท่านใดทราบว่ามีอยู่ที่ไหน หรือมีอยู่ในที่อื่นอีกนอกจากนี้ หรือเพียงสงสัยว่าอาจจะใช่ ได้โปรดกรุณาแนะนำให้พวกผมได้ไปดู หรือกระซิบไปทางพระครูเหมเจติยาภิบาล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โสพิทร์ แซ่ภู่ ก็ได้ครับ

ใส่ความเห็น