พล่าซ่าหาดใหญ่ : เมื่อ “เสียง” แห่งอดีตดับลงและการมาของผู้คนที่นำพารสชาติใหม่ๆ ติดตัวมา

ตลาดสดพล่าซ่าหาดใหญ่ ชุมทางรถโดยสารแห่งสำคัญ ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ ณ จุดศูนย์กลางความทรงจำของเมือง แต่การได้กลับมาในวันนี้ ได้เผยให้เห็นถึงรอยต่อของกาลเวลาที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกตาสำหรับตัวผม ภาพจำแรกที่พรั่งพรูขึ้นมาในห้วงความคิด คือเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ “นายคิว” หรือผู้เรียกผู้โดยสารประจำคิวรถ ซึ่งเป็นมากกว่าการประกาศ แต่เป็นเหมือนบทเพลงประจำถิ่นที่เคยหล่อเลี้ยงชีวิตของตลาดแห่งนี้ คิวรถจะนะเคยมีเสียงเรียกที่ไม่มีใครเหมือน “จะนะ… จะน๊ะ… จะน๊ะ…” เป็นสำเนียงร้องเร่งที่ไม่เหมือนใคร ฟังดูแปลกหู แต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ เป็นเสียงที่ดึงดูดผู้คนให้ก้าวขึ้นสู่จุดหมายปลายทาง…(เสียงในหัวของผม)

และอีกเสียงที่ไม่สามารถลืมเลือนได้ คือ “คิวรถสายควนเนียง” นายคิวจะร้อยเรียงชื่อหมู่บ้านที่รถขับผ่าน คล้ายการขับขานบทกลอนหรือเพลงเรือที่ขับร้องในงานบุญลากพระ เป็นวิถีการสื่อสารที่ผูกพันกับอัตลักษณ์ของผู้คนแถบลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาอย่างลึกซึ้ง น่าเสียดายที่ในวันนี้ เมื่อมายืนรอรถกลับเข้าหมู่บ้านที่ปลายน้ำคลองอู่ตะเภาบ้านควนในสายหาดใหญ่-แหลมโพธิ์ เสียงอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้กลับเงียบหายไป คงเหลือไว้เพียงคิวรถที่ยังคงดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับอาคารพล่าซ่าที่กำลังซ่อมแซมใหญ่ ปล่อยให้ผู้มาเยือนนั่นก็คือผมใช้สายตาระลึกถึงความคึกคักในอดีต

ผักพื้นบ้าน ภาพสะท้อนการเปลี่ยนผ่านของวัฒนธรรม

เมื่อเดินสำรวจตลาดระหว่างรอรถออก คุณค่าของตลาดสดในฐานะ “พิพิธภัณฑ์มีชีวิต” ก็ปรากฏชัดเจน

สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือแผงผัก ที่มีพืชพรรณซึ่งไม่เคยพบเห็นในวัยเด็กวางขาย รอลูกค้ามาหาซื้อไปปรุงอาหารหนึ่งในนั้นคือ “ลูกมะตาด” หรือที่ถูกขนานนามว่า “แอปเปิ้ลมอญ” พืชที่เคยรับรู้ผ่านตัวอักษรในบทความได้เห็นได้ฟังในสารคดีว่าพี่น้องชาวมอญทั้งที่เป็นพลเมืองประเทศไทยและที่รัฐมอญในประเทศเมียนมาร์นิยมนำผลดิบมาปรุงเป็นอาหาร ได้ปรากฏสู่สายตาของผมผ่สนคนขายที่มีทั้งคนไทย(ไทยพุทธปักษ์ใต้)และคนแขก อีกชนิดคือ ยอดกระเจี๊ยบใบกลม ที่ดูแปลกตาจากกระเจี๊ยบทั่วไป คุณป้าคนขายอัธยาศัยดียืนยันว่า “…เป็นยอดกระเจี๊ยบไม่ฉีดยา ปลูกที่ท่าข้าม…” ซึ่งบ่งบอกถึงการเพาะปลูกในท้องถิ่นเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มเฉพาะ

การปรากฏตัวของวัตถุดิบเหล่านี้ ผนวกกับการได้เห็นพี่น้องแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน (ซึ่งคาดว่าคือชาวมอญ) เดินจับจ่ายใช้สอยอย่างคุ้นเคย ทำให้เกิดการตระหนักรู้ว่า ตลาดสดพล่าซ่าไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่แลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เป็นพื้นที่ที่วัฒนธรรมการกิน ได้ถูกเขียนทับด้วยประชากรกลุ่มใหม่ๆ ในที่สุด พล่าซ่าหาดใหญ่ในวันนี้ จึงเป็นสมุดบันทึกที่เต็มไปด้วยความสีสันของชีวิต การเข้ามาของ “รสชาติ” ใหม่ ๆ ที่เดินทางข้ามพรมแดน วัตถุดิบพื้นบ้านอย่างมะตาดและยอดกระเจี๊ยบกลม จึงทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงวัฒนธรรม ที่กำลังบอกเล่าเรื่องราวของการเปลี่ยนผ่านในเมืองหาดใหญ่ได้อย่างงดงาม บนถิวีชิวิตอันเรียบง่ายของผู้คนที่ดำเนินไป

เผยแพร่ครั้งแรกใน – https://www.facebook.com/share/p/18xwnLAbEx/

สามารถ สาเร็ม

คนแขกลุ่มทะเลสาบ ที่ชอบตามหาของแปลก ๆ ตามตลาดนัด

ใส่ความเห็น