เจดีย์ก่ออิฐบนฐานหิน ที่ลานชั้นล่างของวัดสูงเกาะใหญ่ถูกฟ้าผ่าติดต่อกัน ๓ ครั้ง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อไม่ถึงร้อยปีก่อน หลังฟ้าฝ่าเจดีย์ทะลายลงบางส่วนทำให้พบโกศซึ่งทำเป็นรูปเจดีย์สูงประมาณ ๑.๒๕ เมตร โกศนี้สามารถเปิดออกได้ ภายในโกศมีผอบเงินบรรจุอัฐิบุคคลนิรนามวางซ้อนอยู่อีกชั้นหนึ่ง จากตำนาน และความรับรู้ที่เล่าสืบต่อกันมาว่าเจดีย์องค์นี้คือเจดีย์ที่ประดิษฐานอัฐิของสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ ดังนั้นโกศและอัฐิในโกศที่พบนี้จึงน่าจะเป็นของสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ พระเถระในตำนานของชาวเกาะใหญ่-กระแสสินธุ์ ซึ่งมีชีวิตอยู่ในราวครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ ๒๒ – ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๓ (๒๑๕๐ – ๒๒๒๕) ข้อสันนิษฐานนี้เป็นที่รับรู้เชื่อถือของชาวเกาะใหญ่-กระแสสินธุ์อย่างกว้างขวาง
โกศ นี้เป็นการเรียกตามท้องถิ่น ทำเป็นรูปเจดีย์ฐานสิงห์ องค์ระฆังยืดสูง ไม่มีบัลลังก์ ที่องค์ระฆังครึ่งบนสามารถยกเปิดออกได้ เมื่อเปิดออกจะพบผอบภายอีกชั้นหนึ่งซึ่งเป็นผอบบรรจุอัฐิ จากรูปแบบทางศิลปกรรมของโกศองค์นี้ เทียบได้กับกลุ่มลายเส้นสถูปเจดีย์ที่พบในแผนที่กัลปนาวัดพะโคะซึ่งสันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๒ – ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๓ รูปแบบของสถูปค่อนข้างสอดคล้องกับห้วงเวลาที่เชื่อกันว่าสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่มีชีวิตอยู่
เมื่อเชิญโกศลงไปยังวัดเกาะใหญ่ (ล่าง) แล้ว องค์เจดีย์ที่ชำรุดกลายเป็นซากอยู่ เจ้าอาวาสในขณะนั้นจึงได้ชักชวนญาติโยมกวาดเก็บอิฐที่กระจัดกระจายบนวัดสูง โดยเฉพาะจากองค์เจดีย์ ลำเลียงลงไปใช้สร้างโบสถ์ของวัดเกาะใหญ่
กล่าวกันว่าการกระทำเช่นนี้ทำให้ผีที่ดูแลวัดสูงเกาะใหญ่โกรธ จึงมักจะโยนหินลงไปใส่หลังคาโบสถ์ที่สร้างใหม่ ชาววัดชาวบ้านจะได้ยินเสียงก้อนหินเขวี้ยงใส่หลังคาโบสถ์ทุกครั้งเมื่อความมืดปกคลุม เช้าขึ้นก็จะพบเศษหินกระจัดกระจายรอบลานโบสถ์ นานวันเข้าเรื่องผีซัดโบสถ์ก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว คนจากชุมชนไกล ๆ พากันมาพักแรมที่วัดรอพิสูจน์เหตุการณ์ผีซัดโบสถ์ เหตุการณ์นี้หลังโบสถ์สร้างเสร็จนานวันเข้าก็หายเงียบไป