
เรือสำเภาแล่นมาได้ราวสองเดือน ด้วยกรรมแต่ปางก่อนของเหล่าชาวเรือทำให้เรือติดอยู่ในพายุ และอับปางลง ชาวเรือทั้งหลายสูญหายไปในทะเล ฝ่ายพระนางเหมชาลา เจ้าชายทนธกุมารถูกคลื่นซัดมาเกยฝั่งยังหาดทรายแก้ว
๏ เหตุกรรมชาวเภตรา สร้างทำมาแต่ก่อนไกล
เวรามาจองภัย พระพายไซร้พัดกล้ามา
๏ เป็นลมตะวันออก พัดระลอกอยู่ฉ่าฉ่า
ถูกต้องลำเภตรา มืดคลุ้มมามิเห็นไหร
๏ ลาต้าและต้นหน ลางคนบนหมูเป็ดไก่
พระพายร้ายเหลือใจ เต็มเพิ่มใส่ในนาวา
๏ พระทนต์บรมธาตุ นางรัดคาดกับเกศา
บัดเดี๋ยวมิได้ช้า จึงนาวาจมลงพลัน…
พระนางเหมชาลา ได้ฝังซ่อนพระทันตธาตุไว้ในหาดทรายแก้วนั้น แล้วทั้งสองก็หลบเข้าไปอาศัยอยู่ในป่าถัดเข้าไปจากชายหาด รอเรือสำเภาที่อาจจะผ่านมาอีก
๏ ทั้งสองพี่น้องรา ว่ายคงคามิห่างกัน
เพราะว่าเวราทัน ทั้งสองนั้นว่ายเดี๋ยวไป
๏ ลุถึงหาดทรายแก้ว เห็นแจ้งแผ้วอยู่แจ่มใส
ป่าอ้อป่าเลาใหญ่ ทรายแววไวที่สำราญ
๏ ทนต์ธาตุพระชินศรี นางเทวีตั้งธิษฐาน
ขุดทรายลงไม่นาน นางนงคราญฝังไว้พลัน
ยังมีมหาเถรองค์หนึ่งชื่อพรหมเทพ เป็นพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ชำนาญในฌานสมาบัติ วันหนึ่งเหาะโดยอากาศผ่านมาถึงหาดทรายแก้วอันประดิษฐานพระทันตธาตุนั้น ด้วยอานุภาพแห่งพระทันตธาตุ มหาเถรพรหมเทพก็ตกลงจากฟ้า แล้วท่านจึงทราบด้วยญาณว่าหาดทรายแก้วนั้นมีพระทันตธาตุประดิษฐานอยู่ จึงกระทำการนมัสการพระทันตธาตุที่นั่น พระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมารเห็นมหาเถรพรหมเทพก็ออกจากที่ซ่อนมาหา ต่างเล่าความเป็นมาทั้งหมดให้แก่กันฟัง
มหาเถรพรหมเทพบอกแก่ทั้งสองว่า ให้ปักธงผ้าไว้ที่หาดทรายเป็นสัญลักษณ์ ด้วยอีกสามวัน สำเภาที่จะล่องไปยังลังกาจะผ่านมา จะได้เห็นสัญลักษณ์นั้นแล้วแวะรับ พร้อมทั้งให้พรและบอกว่า หากมีเภทภัยใดเกิดขึ้น ให้พระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมาร อธิษฐานถึงตน ตนจะมาช่วย ครั้นสนทนากันจบแล้วพระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมารก็กลับเข้ายังที่ซ่อนปลอดภัย รอเรือสำเภาที่จะผ่านมา
ในห้วงเวลานั้น ท้าวนาคาอันอาศัยอยู่ในบาดาล กับทั้งบริวารทั้งหลายได้ขึ้นจากท้องน้ำมาเที่ยวเล่นบนหาดทรายแก้วดังที่ได้เคยทำอยู่บ่อยครั้งแต่เก่าก่อน ขณะที่ขุดคุ้ยทรายเล่นกันอยู่นั้น ก็ได้พบผอบทองบรรจุพระทันตธาตุอันเจ้าชายทนธกุมารฝังไว้ จึงพากันอัญเชิญพระทันตธาตุกลับลงไปประดิษฐานยังนาคพิภพ
เช้ารุ่งขึ้นพระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมาร ออกมานมัสการพระทันตธาตุก็หาไม่พบ ด้วยนาคได้นำเอาไปยังบาดาลเสียแล้ว