ออกเรือต่อมาได้สามวัน ท้าวนาคาทราบว่าพระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมารกำลังนำพระทันตธาตุออกจากหาดทรายแก้วไปยังลังกาโดยเรือกำปั่นวาณิชย์ ก็คิดขัดขวางหมายจะอัญเชิญพระทันตธาตุกลับลงไปนาคพิภพจึงบันดาลให้เกิดพายุใหญ่ เรือติดอยู่ท่ามกลางพายุนั้น ฝ่ายชาวเรือเห็นเป็นเหตุอาเพศผิดประหลาด คิดว่าพระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมารนำความอัปมงคลมาสู่การเดินทางก็ตั้งใจจะจับทั้งสองทิ้งลงน้ำ
๏ แล้วใช้นาวาชัย สามวันไปมิได้ช้า นาคีมีฤทธา
เลียบตามมาเห็นแจ้งใจ
๏ ว่าทนต์พระบรมธาตุ นางพาคลาดแต่หาดใหญ่
จำกูจะตามไป เป็นพายุใหญ่ให้จมลง
๏ กูจักได้พระธาตุ มุนีนาถตามจำนง
บัดเดี๋ยวดังใจจง ตามจำนงท้าวนาคา
๏ ตั้งพายุเป็นหมอกควัน จึงเร็วพลันถึงเภตรา
คลื่นใหญ่ซัดไปมา กำปั่นพาทนไม่ไหว
๏ ไท่ก๋งและต้นหน ลางคนบนหมูเป็ดไก่
เราเที่ยวมาแต่ไร ไม่เหมือนไซร้ครั้งนี้หนา
๏ มิเคยต้องลมร้าย เภตราให้สองคนมา
อุบาทว์ชาติหลากา ทิ้งคาคาพาไปไย
๏ ได้ยินเหมชาลา ตกกรรมาไม่มีใจ
อนิจจาตัวข้าไซร้ มรณาลัยครั้งนี้หา
๏ ยกมือขึ้นเหนือเกล้า ขอท่านท้าวพระเถรา
พรหมเทพพระเจ้าข้า ได้เมตตาช่วยข้าพลัน…
พระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมารอธิษฐานจึงถึงมหาเถรพรหมเทพ ครั้นท่านทราบเรื่องโดยทิพยญาณก็นิรมิตรตนเป็นพญาครุฑบินเข้ามาขับไล่พวกนาค และปัดเป่าพายุออกไป
๏ พระเถราก็ผาดผุด แปลงเป็นครุฑท้าวเมรา
บินร่อนจรใกล้มา ท้าวนาคามาตกใจ
๏ คร้าวกลัวตัวไหวหวั่น คืนไปพลันยังกรุงไกร
พระเถราจึงลงไป เข้านั่งใน้ท้ายบาหลี…