
พระสังฆราชทราบประสงค์ของพระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมารว่าต้องการถวายพระทันตธาตุแก่พระเจ้าทุศคามมุนีกษัตริย์ลังกาด้วยตนเองดังนั้น รุ่งขึ้นจึงให้เณรผู้สำเร็จอรหันต์เข้าไปแจ้งเรื่องราวยังพระราชวัง
ครั้นเมื่อสามเณรไปถึง ปรากฏว่าพระเจ้าทุศคามมุนีกษัตริย์ลังกาเสด็จออกประพาสในพระราชอุทยานพร้อมด้วยเหล่าอำมาตย์ ห่างจากพระราชวังไป ๗ โยชน์ สามเณรจึงเหาะขึ้นไปบนอากาศด้วยฤทธิ์มุ่งไปยังที่พระเจ้าทุศคามมุนีประทับอยู่แล้วแจ้งเรื่องราวทั้งหมดให้ทราบ
พระเจ้าทุศคามมุนีทรงดีพระทัยหมายจะเสด็จไปนมัสการพระทันตธาตุโดยทันที ทว่าในกาลนั้นเหล่าอำมาตย์ราชบริพารต่างกระจายเข้าไปในป่าหลายทิศทางยากจะรวมพลกลับมาโดยกระบวนเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระอารามได้ ทรงถามสามเณรผู้สำเร็จอรหันต์ว่า
ทาง ๗ โยชน์นี้ หากพระองค์เดินกลับไปด้วยพระบาทจะได้หรือไม่ สามเณรทูลว่า หากทำเช่นนั้นก็จะได้อานิสงค์เป็นกุศลบุญนับแสนอสงไขย ดังนั้นจึงออกเดินไปยังพระอารามด้วยพระบาท ด้วยอานุภาพแห่งพระทันตธาตุ ทำให้ทรงมีกำลังดั่งช้างสาร ๗ เชือก เสด็จออกจากอุทยานในตอนเช้า มาถึงพระอารามในเย็นวันนั้นเอง
ครั้นมาถึงแล้วก็มีรับสั่งให้จัดเตรียมกระบวนอัญเชิญพระทันตธาตุ พระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนธกุมาร เข้าสู่พระราชวังหลวงในวันรุ่งขึ้น
๏ ถ้าเราจะเดินไปย เป็นฉันใดเจ้าเณรอา
บอกความตามสัจจา ให้ตัวข้าแจ้งภายใน
๏ เจ้าเณรแจ้งคดี ถ้าพันปีบาทเดินไป
บุญโญแสนอสงไขย แต่กำไรแสนมหากัลป์
๏ บัดนั้นเจ้าธานี มียินดีชื่อกายัน
เรียกหาเสนาพลัน ท้าวจรจันด้วยบาทา
๏ กำลังพระโพธิญาณ เจ็ดคชสารมหา-
กษัตริย์กำดัดมา เช้าลินลาถึงพอเย็น
๏ บาทาท้าวพุพอง ซ้ำเป็นหนองให้เคืองเข็ญ
บุญญามาจำเป็น พระเจ้าเห็นในปัญญา
๏ จะเดินนั้นไม่ได้ บาททรงธรรม์เจ็บหนักหนา
ภูบาลท้าวคลานมา เข่าราชาโลหิตไหล
๏ มาใกล้ชายอาวาส จึงพระบาทก็ถดไป
ถึงทนต์พระธาตุไซร้ ท้าวดีใจยิ่งหนักหนา
๏ โองการตรัสถามไป ธาตุผู้ใดใครพามา
สังฆราชพระบาทว่า เหมชาลาทนธกุมาร
๏ ท้าวยกผอบทอง ทูลฉลองเหนือเศียรสานต์
แล้วว่าบุญคุณท่าน ใครปูนปานล้ำแดนไตร
๏ เจ้าทนธกุมาร นางนงคราญท่านลูกใคร
บอกเล่าให้เข้าใจ เป็นกะไรท่านได้มา…