ถนนยนตรการกำธร : สายใยแห่งวิถีชีวิตและตำนานที่หลงเหลือ

ลมหายใจที่สูดเข้าปอดในยามเช้าตรู่ของวันนี้ ช่างเย็นสดชื่นเป็นพิเศษ สายตาจับจ้องไปยังกลุ่มหมอกหนาที่ลอยละล่องอยู่เหนือยอดไม้บนเทือกเขาเบื้องหน้า ภาพที่ดูราวกับว่ามีผู้คนมากมายกำลังก่อไฟ แต่แท้จริงแล้วคือม่านหมอกสีขาวบริสุทธิ์ที่โอบคลุมสรรพสิ่งเอาไว้ ผมเดินออกจากบ้านคุณย่า (มะแก่หรือโต๊ะ) เลาะไปตามซอยเล็ก ๆ เพื่อมุ่งหน้าสู่ถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่างสตูลกับสงขลา ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “#ถนนยนตรการกำธร“(http://www.m-culture.in.th/…/%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8…) โดยมีจุดหมายปลายทางที่อำเภอควนเนียง ซึ่งเป็นรอยต่อสำคัญที่พาผู้คนจากหลายพื้นที่เดินทางเชื่อมถึงกัน เป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟควนเนียง

ผมมาหยุดรอรถสองแถวประจำทาง ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “รถหลังคา” ลักษณะเป็นรถกระบะที่มีหลังคาสูง ญาติบอกว่าเพิ่งมีการจัดตั้งคิวขึ้นมาใหม่ในชื่อสาย “ด่านดง – หาดใหญ่” ไม่นานรถก็มาถึง ผมรีบขึ้นรถพร้อมกับการกล่าว สลาม(ทักทาย) กับญาติสนิทที่ผมเรียกว่า สูหรือจู น้องสาวของปะ หรือ ลูกสาวคนสุดท้องของคุณปู่(โต๊ะบันหรือปะแก่) ที่เดินตามมาส่งขึ้นรถ

บนรถมีผู้โดยสารคนบ้านคลองกั่วอีกสองท่าน ท่านแรกเป็นหญิงสาวที่อาศัยอยู่บ้านใกล้กับคุณย่าของผม ท่านทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่อนามัยตำบลเขาพระ และใช้บริการรถสายนี้เพื่อเดินทางไปทำงาน อีกท่านหนึ่งเป็นผู้สูงอายุที่ดูแข็งแรงมาก หลังจากพูดคุยจึงทราบว่าท่านอายุ 70 ปีแล้ว เป็นแม่ค้าที่นำผลผลิตตามฤดูกาล ทั้งที่ปลูกเองและรับซื้อจากเพื่อนบ้าน วันนี้มีสินค้าคือ กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ และผักกรูดไปขายที่ตลาดควนเนียง

ผมออกปากถามด้วยความแปลกใจ เพราะคิดว่ารถสายนี้จะไปสุดทางที่หาดใหญ่ ท่านจึงเล่าต่อว่า “ไปถึงหน้าหอนาฬิกาแล้วก็ต่อรถปากพะยูนไปลงควนเนียง” ท่านขายของที่ตลาดควนเนียงมาไม่ต่ำกว่า 50 ปี ตั้งแต่ “ปะ” (พ่อ) ของผมยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ซึ่งตอนนี้พ่อผมก็อายุ 56 ปีแล้ว สาเหตุที่ท่านมุ่งหน้าไปขายที่ควนเนียงเป็นเพราะในอดีตมีรถสองแถวสาย “บ้านคลองกั่วไปตลาดควนเนียงโดยตรง” ผู้คนในเขตตำบลเขาพระหลายหมู่บ้านจึงนำผลผลิตไปขายที่นั่นกันอย่างคึกคัก ในอดีตมีแม่ค้าจำนวนมาก แต่ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่คน ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีรถหลังคาสูงสายนี้ ท่านเคยเดินทางด้วยรถบัสหรือรถตู้สตูล บางครั้งต้องไปลงที่สี่แยกคูหา แล้วต่อรถปากจ่าไปลงควนเนียง หรือถ้าไปลงหน้าหอนาฬิกา ก็ต่อรถปากพะยูน

ตลอดเส้นทางของการเดินทาง ผมได้แต่นั่งฟังเรื่องเล่าจากผู้สูงอายุ และสนทนากับผู้โดยสารท่านอื่น ๆ บรรยากาศสองข้างทางเต็มไปด้วยความสดชื่นของภูเขาและต้นไม้เขียวชอุ่ม รถจอดแวะส่งของเป็นระยะ “โต๊ะ”ที่ผมนั่งคุยด้วยบอกคนขับรถว่า “ช่วยจอดร้านขายเหนียวไก่ให้ด้วยนะ” (เหนียวไก่หมายข้าวเหนียวไก่ทอด)เป็นคำพูดที่สะท้อนถึงความสนิทสนมและคุ้นเคยระหว่างคนขับกับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ผมก็ถือโอกาสนี้ลงจากรถไปซื้อ “เหนียวไก่” ด้วย

ร้านไก่ทอดเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมถนนแถวเขาพระ ขายอยู่หน้า “เรินไม้” (เรือนไม้) ขนาดไม่ใหญ่แต่ดูอบอุ่นและเป็นกันเอง ผมบันทึกภาพร้านนี้ไว้เป็นที่ระลึก ก่อนจะขึ้นรถและนั่งกินข้าวเหนียวไก่ทอดมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึง สามแยกท่าชะมวง รถจอดพักประมาณ 10 นาที ก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่ถนนสายเก่าเพื่อมุ่งหน้าสู่หน้าหอนาฬิกาหาดใหญ่ (หากจะไปควนเนียงต้องขี่ตรงไป) มีผู้โดยสารเรียกขึ้นรถตลอดทางจนกระทั่งรถเต็มคันพอดี

เมื่อมาถึงหน้าหอนาฬิกาซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง

รถจอดให้ผู้โดยสารลง ผมและทุกคน รวมถึง “โต๊ะ” ลงจากรถและจ่ายค่าโดยสาร “โต๊ะ” บอกกับคนขับว่าจะเดินไปรอขึ้นรถปากพะยูนก่อน คนขับตอบกลับด้วยความมีน้ำใจว่า “ได้เลย กล้วยกับผักเดี๋ยวผมจะขับรถไปส่งให้ใกล้ ๆ” นี่คือภาพสะท้อนของความเอื้ออาทรและการช่วยเหลือเกื้อกูลกันบนวิถีชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวัน การเดินทางด้วยรถสองแถวสายนี้ ทำให้ผมได้มองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม สูดอากาศบริสุทธิ์ และที่สำคัญที่สุดคือ ได้รู้จักและได้ยินเรื่องราวชีวิตของผู้คนผ่านการพูดคุย การเดินทางครั้งนี้จึงเป็นยิ่งกว่าการย้ายที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่มันคือการบันทึกวิถีชีวิตและสายใยของผู้คนในท้องถิ่นไว้ในความทรงจำ เป็นที่น่าเสียดายที่รถสองแถวสาย คลองกั่ว-ควนเนียง ได้หยุดวิ่งไปก่อนหน้ายุคโควิดหลายปี ทำให้เส้นทางและเรื่องเล่าแห่งวันวานสายนี้กลายเป็นตำนานบทหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้ในเส้นทางการเดินทางของผม…ผ่านเรื่องเล่าในวิถีชีวิตของ”โต๊ะ” แม่ค้าบ้านคลองกั่วท่านนี้

เผยแพร่ครั้งแรกใน – https://www.facebook.com/share/p/17gH7FAAVn/

สามารถ สาเร็ม

คนแขกลุ่มทะเลสาบ ที่ชอบตามหาของแปลก ๆ ตามตลาดนัด

ใส่ความเห็น