ตำนานพระบรมธาตุฉบับร้อยแก้วสำนวนซึ่งแพร่หลายที่สุด แต่น่าจะมีความผิดพลาดหลายจุด และต้นฉบับสมุดไทย/หนังสือบุด ของตำนานฉบับนี้ก็หายสาปสูญไปแล้ว

    ตำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช พิมพ์ในงานปลงศพ นางเทพนรินทร (สงวน อิศรางกูร ณ อยุธยา) ๒๔๗๑

    เคยตั้งใจว่าจะไม่เก็บหนังสือสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับพระธาตุ เพราะลำพังใช้หนังสือบุดที่มีก็น่าจะพอแล้ว แต่อยู่ ๆ ไปก็มาคิดว่า หนังสือพวกนี้เองที่เป็นสื่อในการนำตำนานพระธาตุเมืองนครเข้าถึงคนในยุคที่เลิกใช้สมุดไทยไปแล้ว มันก็เป็นหมุดหมายสำคัญเหมือนกันที่จะทำให้เข้าใจชีวิตของตำนานพระธาตุในยุคสมัยของสิ่งพิมพ์อย่างใหม่ นางเทพนรินทร์ เป็นบุตรีของหลวงภักดีดำรงฤทธิ์ (เปรม เพ็ชรานันท์) มารดาคือ นางขอม ณ นคร เกิดที่อำเภอปากพนังเมื่อ ๒๔๕๐ โตที่กรุงเทพฯ ตลอดจนสิ้นชีวิต หนังสือนี้กรมหมื่นพิทยาลงกรณเป็นผู้เลือกให้พิมพ์ ใช้ตำนานฉบับคัดลอกบนกระดาษฝรั่งจากต้นฉบับที่เป็นหนังสือโบราณ

    ครั้งหนึ่งเคยตามพระครูเหมเจติยาภิบาลไปดูต้นฉบับของตำนานที่ถูกนำมาพิมพ์นี้ที่หอสมุดแห่งชาติ แต่เราไม่ได้ทำสำเนามาเพราะที่หอสมุดมีแต่ฉบับคัดลอกลงในกระดาษฝรั่ง ซึ่งเรามีบุดตำนานพระธาตุฉบับอื่น ๆ ที่เนื้อหาใหล้เคียงกันอยู่แล้ว และฉบับนี้ก็พิมพ์แล้ว ตำนานฉบับพิมพ์นี้ เริ่มเรื่องด้วยศึกมาชิงพระทันตธาตุที่เมืองทนทบุรี พระนางเหมชาลา พระทนธกุมารนำพระธาตุหนีทางเรือ เรือแตกมาเกยฝั่งที่เมืองตรัง แล้วพากันเดิรหลงอีท่าไหนไม่รู้ข้ามเทือกเขาหลวงมาถึงหาดทรายแก้วแล้วฝังพระทันตธาตุไว้บนหาดทรายแก้วชั่วคราว จนได้เรือพ่อค้าผ่านมาจึงขุดพระทันตธาตุขึ้นมาแล้วโดยสารเรือนั้นนำพระทันตธาตุไปยังลังกา

    กษัตริย์ลังกาได้พระทันตธาตุแล้ว ได้ให้พระนางเหมชาลา พระทนธกุมารนำพระธาตุทนานหนึ่งกลับมาฝังยังหาดทรายแก้ว ผูกภาพยนตร์ไว้รักษา ต่อมาพระยาศรีธรรมาโศกราชเมืองหงสาวดี ได้อพยพผู้คนหนีโรคระบาดจากเมือง ระเหเร่ร่อนอยู่นานจนมาถึงหาดทรายแก้ว ได้แก้ภาพยนตร์รักษาพระธาตุแล้วจะสร้างมหาสถูป จึงได้ตั้งเมือง ๑๒ นักษัตรเป็นเมืองขึ้นสำหรับจัดหาวัสดุมาทำพระธาตุ ทำไม่ทันเสร็จก็เขิดโรคห่าอีกเมืองร้างลง

    ต่อมาพระยาศรีไสณรงมาเป็นเจ้านคร พระพุทธสิหิงมาถึงเมืองนครชั่วระยะหนึ่งแล้วไปเชียงใหม่ต่อมามีพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชจากเมืองอินทปัตย์ กับอนุชาชื่อจันทรภานุ อพยพผู้คนหนีไข้ห่ามายังหาดทรายแก้ว ได้สร้างพระมหาสถูปต่อจากที่ศรีธรรมาโศกราชองค์ก่อนสร้างค้างไว้แต่ไม่เสร็จเพราะไข้ห่าเมืองร้างไปเสียก่อน สร้างแล้วเสร็จมีสำเภาบรรทุกผ้าพระบฎจะไปลังกาเรือแตกซัดมาเกยที่ปากพนัง แล้วมีเรือปริศนาปราศจากผู้คนซัดมาขึ้นปากพญา ได้กระแซงในเรือมามุงพระธรรมศาลา

กับอื่น ๆ เรื่อยมา มาจบเล่มที่พระยาบริบาลพลราช เจ้าเมืองตะนาวศรีมหานครมาเป็นเจ้าเมืองนครในศักราช ๒๑๙๗

    เมื่อตรวจสอบกับบุดเราพบว่าตำนานพระธาตุฉบับนี้ มีเนื้อความไม่ตรงกับฉบับสมุดไทยที่มีอยู่ในหอสมุดแห่งชาติเล่มไหนเลย เป็นแต่คล้าย ๆ คือครึ่งแรกเนื้อความคล้าย ๆ ตำนานพระธาตุนครศรีธรรมราช เลขที่ ๗๔ มาจบที่เรื่องศรีมหาราชาฟื้นเมืองนคร แล้วครึ่งหลังเหมือนกับเอา พงศาวดารเมืองนครศรีธรรมราชเลขที่ ๒ มา (โอเวอร์แลบกันบ้าง) เริ่มที่ผขาวอริยพงษ์มาแต่กรุงศรีอยุธยามาเห็นเมืองนครรกร้าง พระบรมธาตุยอดหักพังลงมาถึงบัลลังก์ จึงกลับไปตั้งขบวนการฟื้นบ้านฟื้นเมืองนครที่อยุธยา แล้วคณะสงฆ์โดยได้รับพระบรมราชโองการจากกษัตริย์อยุธยาซึ่งน่าจะคือพระเจ้าทรงธรรม ก็ลงมาฟื้นเมืองนครขึ้นใหม่ จบเรื่องที่เจ้าเมืองตะนาวศรีมาครองเมืองนครเหมือนกัน แต่ตำนานฉบับ ๗๔ มีดีเทลมากกว่า

    ตำนานฉบับลายมือที่พิมพ์ครั้งนี้น่าจะมาจากฉบับอื่นที่ต้นฉบับสูญไปจากหอสมุดแห่งชาติแล้ว เพราะพระครูเหมเจติยาภิบาลท่านไปขลุกอยู่หลายปีก็ไม่พบเลย ตำนานฉบับนี้ หลังจากนี้จะได้ถูกพิมพ์อีกหลายครั้ง ก็ได้กลายเป็นฉบับสำคัญในการใช้ศึกษาเรื่องเมืองนคร และพระธาตุนครในวงวิชาการโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าตำนานเล่มนี้มาพร้อมกับปัญหาใหญ่มาก เราไม่เห็นสภาพของตัวต้นฉบับแต่อ่านจากเนื้อความพบว่าวิธีการลำดับเรื่องนั้นสับไปสับมา

    ความสับสนสำคัญ ๒ ประการของตำนานฉบับนี้คือ ๑ เหตุการณ์ตอนพระเจ้าศรีธรรมาโศกที่ ๑ แก้ภาพยนตร์จะทำมหาสถูป ตำนานฉบับนี้ได้เอาเหตุการณ์ของตำนานพระเจ้าอโศกขุดพระธาตุทั่วอินเดียมาสร้างพระธาตุ ๘๔,๔๐๐ องค์ มาปน ซึ่งเหตุการณ์ตอนนี้หากใช้โครงเรื่องของพระนิพพานโสตร และพระศรีธรรมาโศกกลอนสวด จะต้องอยู่ก่อนเรื่องพระเจ้าศรีธรรมาโศกที่ ๑ สร้างพระธาตุ เมื่อเอาสองเรื่องมาชนกันซึ่งน่าจะเกิดจากการเข้าใจผิดของผู้เรียบเรียง เพราะไม่ว่ากษัตริย์เมืองนครพระองค์ไหนในตำนานยุคดึกดำบรรพ์ก็เรียกศรีธรรมาโศกราชหมด

เรื่องของพระเจ้าอโศกที่พระวิศณุกรรมเนรมิตสถูปพระธาตุขึ้นจึงมาอยู่หน้าเรื่องตั้งเมือง ๑๒ นักษัตร์

    ๒ ตำนานฉบับนี้เอาศรีมหาราชาในยุคของพังพการ มาปนกับศรีมหาราชาในยุคฟื้นเมืองนครหลังโจรสลัด ทำให้ข้อความตอนกลางเรื่องแม่นางแอดมาตั้งอยู่ที่ทุ่งหลวงหรดีเมืองนั้นเกิดขึ้นก่อนผขาวอริยพงษ์จะมาพบพระธาตุร้าง ไทม์ไลน์ทั้งหมดสับสนปนเปไปจากสมุดไทยตำนานพระธาตุที่มีฉบับอยู่มาก

.    อ่านจบแล้วผมก็นึกว่าเราน่าจะต้องชำระตำนานพระธาตุ ตำนานเมืองนครใหม่ซักทีหนึ่ง ที่ผ่านมาจนถึงการเสนอมรดกโลกนี้ เรายังใช้ตำนานฉบับพิมพ์ ๒ สำนวนเรื่อยมาทั้งที่ความเป็นจริงเรามีตำนานฉบับสมุดไทย (หนังสือบุด) หลายสิบเล่ม น่าจะสะสางความสับสนให้เกิดระบบมากขึ้นได้บ้างครับ

ใส่ความเห็น