อาหาร ขนม : งานอะโบ๊ยหม๊ะครั้งที่ 11 ณ หาดสวนกง ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา

ขนมหัวล้านล่อ : บ้านสะกอมใหญ่ ตำบลสะกอม อำเภอจะนะ จ.สงขลา “ขนมหัวล้านห่อ” #จากกลุ่มจะระโผง บ้านสะกอมใหญ่ ในงานอะโบ๊ะหมะครั้งที่ 11 จัดโดยเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น คือขนมพื้นบ้านที่ห้ามพลาด ​ตัวแป้งทำจากแป้งข้าวเหนียวขาวผสมแป้งข้าวเหนียวดำ(สมัยก่อนใช้หัวมันสีม่วง)ให้สีม่วงๆ สวยงามและเนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มกำลังดี สอดไส้ด้วย มะพร้าวขูดผัดน้ำตาล รสชาติหวานมันกลมกล่อม เอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือการห่อด้วยใบตองแบบ “โผล่ตรงกลาง” เผยให้เห็นตัวขนมสีม่วงน่ากิน พร้อมกับ น้ำกะทิข้นๆ ที่ราดรองไว้ด้านล่าง เมื่อนึ่งจนสุก ความหอมจากใบตองและกะทิจะอบอวลไปทั่ว รสชาติที่หวานมันและนุ่มหนึบนี้คือความอร่อยที่ลงตัว (ขอบคุณข้อมูลจากบัง เจะปิ อนันทบริพงษ์ กลุ่มจาระโผง)

นาซิกราบูดาระ : ข้าวยำซาวเครื่องแบบมลายู แห่งบ้านทุ่งพอ ตำบลทุ่งพอ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา

#ข้าวยำ” อาหารอร่อยของผู้คนบนคาบสมุทรมลายูนั้น มีอยู่ 2 รูปแบบหลักๆ คือ #ข้าวยำแบบมีน้ำราด และ #ข้าวยำแบบซาวเครื่อง (ไม่มีน้ำราด) 1. #ข้าวยำแบบมีน้ำราด เป็นรูปแบบที่คุ้นเคยกันดี รู้จักกันทั่วไป เช่น #ข้าวยำน้ำบูดู ของพี่น้องมลายูปตานี (ออแรนายู) ที่ใช้น้ำบูดูเป็นวัตถุดิบหลักในการต้มเคี่ยว, #ข้าวยำน้ำเคย ของชาวลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาที่ใช้ #เคยน้ำ เป็นวัตถุดิบหลักในการต้มเคี่ยวได้ราดข้าวยำเรียกว่า #น้ำเคย , หรือ #ข้าวยำน้ำปลา แบบชาวนครศรีธรรมราชที่ใช้ปลาร้า(แบบภาคใต้มีลักษณะแห้ง) นำมาต้มเคี่ยวได้น้ำราดข้าวยำเรียกว่า #น้ำปลา 2. #ข้าวยำแบบซาวเครื่อง เป็นข้าวยำที่ไม่ใช้น้ำราด พบได้ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในแถบทุ่งราบและป่าเขาที่ห่างไกลทะเล แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะบางหมู่บ้านอยู่ริมทะเลก็มีข้าวยำซาวเครื่องเช่นกัน

ในการจัดงานอะโบ๊ยหม๊ะ ครั้งที่ 11 ซึ่งจัดโดยเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น มีการนำ #นาซิกราบูดาระ (Nasi Kerabu Dara) มาจำหน่าย นาซิกราบูดาระนี้คือข้าวยำซาวเครื่องที่มาจากบ้านทุ่งพอ ตำบลทุ่งพอ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ซึ่งชื่อนี้มาจากคำในภาษามลายู คือ นาซิ (Nasi) แปลว่า ข้าว, กราบู (Kerabu) แปลว่า ยำ และคำว่า ดาระ (Dara) ที่ใช้เรียกผู้คนที่อาศัยอยู่แถบภูเขาหรือพื้นที่ห่างไกลทะเล

ข้อมูลจากคุณอาหะมะ การีเม็ง อาหะมะ การีแม็ง ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมจากบ้านทุ่งพอ ระบุว่า #นาซิกราบูดาระ เป็นอาหารที่นิยมทำกินกันในช่วงเดือนรอมาฎอนเป็นหลัก มีจุดเด่นคือไม่ใช้บูดู แต่ใช้ความเค็มจากเกลือแทน ส่วนประกอบสำคัญของข้าวยำชนิดนี้คือ เครื่อง ที่ตำรวมกันจาก ปลาย่าง ข่า มะพร้าวคั่ว พริกสด พริกไทยอ่อน หอมแดง และ ตะไคร้ จากนั้นจึงนำมาคลุกเคล้ากับข้าวสวยและผักพื้นบ้านนานาชนิด โดยเฉพาะ ใบชะพลู ตะไคร้ซอย ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ นอกจากนี้ยังมี ใบมันปู ผักกาเซ็ง และ กือซง ที่จะนำมาซอยและคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดท้ายด้วยรสเปรี้ยวจากมะนาวหรือพืชรสเปรี้ยวชนิดอื่นตามฤดูกาล

ขนมคอเป็ด : ขนมโบราณจากบ้านป่างามที่หวนคืนความอร่อย

“​ขนมคอเป็ด” เป็นขนมแป้งทอดพื้นบ้านที่กลับมามีชีวิตอีกครั้งในหมู่บ้านป่างาม ตำบลตลิ่งชัน อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา หลังจากที่เคยหายไปจากชุมชนนานหลายสิบปี ขนมชนิดนี้ทำจากแป้งข้าวเหนียว นำมาผสมสีสันสดใส เช่น สีส้ม สีแดง สีเหลือง แล้วนำมารีดเป็นแผ่น ทำให้มีรูปร่างคล้ายโบว์หรือผีเสื้อ ก่อนนำไปทอดให้กรอบและเคลือบด้วยน้ำตาลทราย ที่บ้านป่างาม​ในอดีต #ขนมคอเป็ด เป็นที่นิยมทำกันในงานสำคัญต่างๆ ทั้งในงานแต่งงานและงานบุญกุโบร์ (งานทำบุญให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว) และในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ขนมนี้เป็นที่รู้จักและทำกันอย่างแพร่หลายทั้งในกลุ่มคนไทย คนจีน และคนแขก (มุสลิม)

ขนมคอเป็ดแบบดั้งเดิม ของคนไทย คนจีน จะทำจากแป้งข้าวเหนียวและเคลือบด้วยน้ำตาลโตนด หากมีการใส่สีก็จะใช้การเคลือบด้วยน้ำตาลทรายแทน ขนมคอเป็ดของคนแขก ส่วนใหญ่นิยมทำจากแป้งสาลีเป็นหลัก แม้ว่าในบางพื้นที่ก็ยังพบการทำจากแป้งข้าวเหนียวเคลือบน้ำตาลโตนดหรือแบบใส่สีเคลือบด้วยน้ำตาลทรายเช่นกัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า คอเป็ดคนแขกรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาที่ใช้แป้งสาลี พัฒนาต่อมาจากการใช้แป้งข้าวเหนียวก็อาจเป็นไปได้ เนื่องจากปีที่แล้วมีโอกาสไปเก็บข้อมูลบุญกุโบร์ที่บ้านดอนขี้เหล็กก็ได้ข้อมูลว่าในอดีตมีการทำขนมคอเป็ดโดยใช้แป้งข้าวเหนียว เคลือบน้ำตาลโตนดมีทั้งใส่สีและไม่ใส่สี

การรื้อฟื้นขนมคอเป็ดของบ้านป่างามครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของคนในหมู่บ้านป่างามที่ช่วยกันรื้อฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับขนมโบราณนี้ขึ้นมาอีกครั้ง การทำขนมคอเป็ดในงานบุญกุโบร์ของบ้านป่างามยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมกับคนแขกในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ซึ่งนิยมทำขนมชนิดนี้ในงานบุญกุโบร์และคนไทยในอดีตก็นิยมทำในงานบุญเดือนสิบเพื่อใช้ดับหมรับแต่อาจเรียกว่า #ขนมเกียบ และจากข้อมูลภาคสนามของผู้เขียนยังพบว่า คนไทยนครศรีธรรมราชบางหมู่บ้านก็ใช้ขนมชนิดนี้ในงานบุญเดือนสิบเช่นกันเเต่มีชื่อเรียกที่หลากหลายเช่น #ขนมเกียบ#ฉาวหงาย เป็นต้น

นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ได้จัดงาน อะโบ๊ยหมะ ครั้งที่ 11 และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยรื้อฟื้นขนมคอเป็ดบ้านป่างามขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ขนมโบราณที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความทรงจำได้กลับมาอีกครั้ง เป็นแหล่งรายได้ของคนในหมู่บ้านซึ่งทำออกมาจำหน่าย ผมอุดหนุนมาหนึ่งกระปุกราคา 50 บาท รสชาติถือว่ากำลังดีไม่หวานมาก บทความเรื่องขนมคอเป็ดที่ผมเคยเขียนไว้ https://readthecloud.co/kanom-khor-ped/

“​#อีตีมานิ๊” หรือที่คนในชุมชนแถบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเรียกว่า #ขนมแดง เป็นขนมพื้นถิ่นที่เคยเลือนหายไปจากหมู่บ้านปากบางสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา นานกว่า 40 ปี ก่อนจะได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้งโดยพี่น้องในหมู่บ้านแห่งนี้ ​ขนมชนิดนี้มีชื่อในภาษามลายูกลางว่า Puteri Mandi (ปูเตอรี มันดี) ซึ่งมีความหมายว่า “เจ้าหญิงอาบน้ำ” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ #อีตีมานิ๊ ในสำเนียงภาษาไทยถิ่นใต้ของชาวสะกอมซึ่งเป็นภาษาที่เอกลักษณ์น่าค้นหา และยังเป็นขนมชนิดเดียวกับที่ชาวไทยภาคกลางเรียกว่า #ขนมต้มแดง

เรื่องราวการกลับมาของ #อีตีมานิ๊ เริ่มต้นขึ้นในงาน “อะโบ๊ยหมะ” ครั้งที่ 11 ตอน Gastronomy วัฒนธรรมอาหารถิ่น ณ หาดสวนกง โดยเป็นผลงานของกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก #พี่แทน ผู้ริเริ่มโครงการรื้อฟื้นอาหารดั้งเดิมของท้องถิ่น จากเดิมที่เคยทำจากแป้งข้าวเหนียวสีขาวปั้นเป็นก้อนกลมกดให้แบนเล็กน้อวแล้วนำไปต้ม ก่อนจะผัดกับมะพร้าวและน้ำตาล ปัจจุบันมีการปรับปรุงให้มีสีสันสวยงามจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น สีเขียวจากใบเตย สีฟ้าจากดอกอัญชัน และสีเหลืองจากฟักทอง ขนมอีตีมานิ๊ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ของหวาน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการรื้อฟื้นวัฒนธรรมและมรดกทางอาหารของชาวจะนะ ที่สะท้อนถึงความผูกพันกับชุมชนและทรัพยากรท้องถิ่น นอกจากนี้ชื่อขนมยังถูกนำไปตั้งเป็นชื่อกลุ่มเพื่อดูแลฐานทรัพยากรทางทะเลของหมู่บ้านอีกด้วย ขนมชนิดนี้ยังมีมิติทางความเชื่อและคติชนที่น่าสนใจอีกด้วย #บ้านของคุณมีขนมแบบนี้ไหมครับ? เรียกชื่อว่า#อะไรกันบ้าง? และนิยมทำกันในช่วงไหนเป็นพิเศษ? มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวของขนมพื้นบ้านชนิดนี้กันนะครับ

หมายเหตุ ได้รับความรู้เพิ่มเติมจากคุณ Abu iSrafil “…อีตี = ไส้, มานิห์ = หวานที่บ้านอะบู อิสรอฟีลเรียกว่า กือแป๊ะ ฮีดง (จมูกแบน) ครับ…” ให้ความเห็นไว้ในกลุ่มนิเวศวิทยาวัฒนธรรมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา https://www.facebook.com/groups/250904708948593/search/?q=%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5)

ข้าวมันแกงปู : รสมือนิ นูรี โต๊ะกาหวี แห่งบ้านบ่อโชน

#ข้าวมันแกงปู อาหารจานเด็ดจาก บ้านบ่อโชน ตำบลสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นมากกว่าแค่เมนูอร่อย แต่คือรสชาติที่สะท้อนวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง เมนูนี้โดดเด่นที่การจับคู่กันอย่างลงตัวของ #ข้าวมันหุงกะทิ เม็ดข้าวนุ่มหอมมัน กับ #แกงปู ที่รสชาติจัดจ้านถึงเครื่องแกงกะทิเข้มข้น มีรสเปรี้ยวอมหวานจาก #ตะลิงปลิง และเสริมด้วยความสดชื่นจาก น้ำชุบม่วงม่วง (น้ำพริกมะม่วงเบา) พืชพื้นถิ่นที่พบได้ทั่วไปในภาคใต้ นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้อย่าง #เคยหัน หรือกะปิกุ้งผัดมะพร้าว เป็นอาหารที่ชาวบ้านทำเก็บไว้กินในยามที่ออกทะเลไม่ได้ โดยนำเคยมาผัดกับมะพร้าวและน้ำตาลจนได้รสชาติเค็มหวานกลมกล่อม สามารถเก็บไว้ได้นาน คนทุกวัยสามารถรับประทานได้ ดังนั้น #ข้าวมันแกงปู จึงเป็นอาหารที่รวบรวมเอาวัตถุดิบจากท้องทะเลอย่างปู มาผสานกับภูมิปัญญาการถนอมอาหารอย่างเคย และวัตถุดิบจากรอบบ้านอย่างมะม่วงเบา กลายเป็นเมนูที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของผู้คนในบ้านบ่อโชนได้อย่างลงตัว… “นิ” คนสะกอมใช้เรียก #พี่สาว ซึ่งเป็นคำเรียกในวัฒนธรรมลายู

#ตายะ” : ขนมในงานอะโบ๊ยหมะ ครั้งที่ 11 จัดโดยเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ณ ชายหาดสวนกง

#ตายะ” คือชื่อเรียกขนมพื้นบ้านที่คนแขก(มุสลิม)บ้านปากบางสะกอม ตำบลสะกอม อำเภอเทพา จังหวัดสงขลาใช้เรียกขนมชนิดนี้ เป็นขนมแป้งจี่หอมกลิ่นใบเตยที่มีไส้มะพร้าวผัดน้ำตาลอยู่ด้านใน แม้จะเป็นขนมที่พบได้ในหลายจังหวัดทางภาคใต้และประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย แต่ชื่อเรียกที่หลากหลายของมันก็สะท้อนถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของผู้คนในแต่ละท้องถิ่นได้อย่างชัดเจน

ความหลากหลายของชื่อเรียก

1.​”#ตายะ” เป็นคำที่มาจากภาษามลายูปตานี ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และยังคงถูกใช้โดยชาวบ้านปากบางสะกอม ซึ่งใช้ภาษาไทยถิ่นใต้ที่มีสำเนียงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ

2. ​”#เกอตาหยับ” (Ketayap) คือชื่อที่ใช้ในภาษามลายูกลาง ​

3.”#เกอตายับ” หรือ “#ตาหยาบ” เป็นสำเนียงภาษามลายูสตูลที่ใช้เรียกขนมนี้ในจังหวัดสตูลและนครศรีธรรมราชบางส่วน โดยเฉพาะในกลุ่มมุสลิมที่สืบเชื้อสายมาจากรัฐเคดะห์ในอดีต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทาง วัฒนธรรมระหว่างพื้นที่ (อ่านเพิ่มเติมใน : https://www.muangboranjournal.com/post/–995)

4.​”ขนมแคง” หรือ “ขนมแคงทะ” (กะทะ) เป็นชื่อภาษาไทยถิ่นใต้ที่ใช้เรียกในบางหมู่บ้านของลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เช่น บ้านหัวเขา อำเภอสิงหนคร และบ้านคลองกั่ว อำเภอรัตภูมิ

อาหารกับเรื่องราวของผู้คน

ขนมตายะ เกอตายับ ตาหยาบ ขนมแคง ขนมแคงทะไม่ใช่เพียงแค่อาหาร แต่เป็นสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้ากับรากเหง้าและประวัติศาสตร์ของตนเองได้อย่างดีเยี่ยม ดังเช่นกรณีของกลุ่มคนมลายูจากรัฐเคดะห์-สตูลที่ถูกเทครัวมายังนครศรีธรรมราชเมื่อกว่าสองร้อยปีก่อน พวกเขายังคงสืบทอดการทำขนมชนิดนี้และใช้ชื่อเรียกแบบดั้งเดิมแม้จะย้ายถิ่นฐานมาแล้วหลายชั่วอายุคน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาหารคือวัฒนธรรมที่เดินทางติดตัวผู้คนมาอย่างยาวนาน และยังคงอยู่แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด กรณีของพี่น้องมุสลิมในตำบลสะกอมมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากเรื่องเล่าที่สืบทอดกันมาว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเคยอพยพมาจากอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ชื่อเรียกขนม “#ตายะ” ที่เหมือนกันกับในพื้นที่ปตานี จึงเป็นเสมือนร่องรอยที่บ่งบอกถึงที่มาทางวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ของคนสะกอมได้อย่างชัดเจน นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า อาหารและชื่อเรียกสามารถทำหน้าที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และเป็นเครื่องมือในการสืบค้นรากเหง้าของชุมชนได้อย่างน่าทึง

บือลางอกือรอ : หม้อแกงลิงพี่น้องมลายูบ้านทุ่งพอ (ตำบลทุ่งพอ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขล

ในงานอะโบ๊ยหมะ ครั้งที่ 11 ซึ่งมีอาหารที่ครอบคลุมทุกนิเวศ ทั้งเขา ป่า นา เล ในพื้นที่สี่อำเภอ ได้แก่ จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย พี่น้องมลายูมุสลิมจาก ตำบลทุ่งพอ ชุมชนที่ตั้งอยู่ในที่ราบลุ่มใกล้ป่าดิบชื้น ได้นำอาหารพื้นบ้านมานำเสนอ นั่นคือ บือลางอกือรอ (หรือที่คนไทยคุ้นเคยในชื่อ #หม้อแกงลิง,#หม้อลิง,#หม้อข้าวหม้อแกงลิ,)

#บือลางอกือรอ เป็นชื่อเรียกพืชท้องถิ่นในภาษามลายูของชาวบ้านที่นี่ โดยคำว่า #บือลางอ แปลว่า หม้อแกง และ #กือรอ แปลว่า ลิง คุณอาหะมะ การีเม็ง (อาหะมะ การีแม็ง) พี่น้องบ้านทุ่งพอ หนึ่งในผู้ที่นำอาหารชนิดนี้มานำเสนอ ได้ให้ข้อมูลวิธีการทำขนมที่น่าสนใจว่า ที่บ้านทุ่งพอมีวิธีทำอยู่ 2 แบบ ดังนี้

วิธีที่หนึ่ง นำข้าวเหนียวมาผัดกับกะทิให้กึ่งสุกกึ่งดิบ เหมือนกับการทำต้ม (ข้าวเหนียวห่อด้วยใบกะพ้อ) จากนั้นจึงนำข้าวเหนียวที่ผัดแล้วมาใส่ลงใน “หม้อแกงลิง” แล้วนำไปต้มหรือนึ่งให้สุก

วิธีที่สอง นำข้าวสารเหนียวดิบที่ล้างสะอาดแล้วกรอกลงไปในหม้อแกงลิงโดยตรง จากนั้นเติมน้ำกะทิ น้ำตาล และเกลือลงไป แล้วนำไปนึ่งจนสุก วิธีการกินก็ง่ายมาก สามารถรับประทานได้ทั้งเปลือก ถือเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านที่นำพืชพื้นถิ่นมาใช้เป็นภาชนะสำหรับทำขนม ที่สามารถกินได้ทั้งเปลือกได้อย่างลงตัว

ขนมดอกลำเจียก กลุ่มกรีนไม้แก่น ตำบลสะพานไม้แก่น อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา

พี่แทน (คุณกิตติภพ สุทธิสว่าง) ผู้จัดงานอะโบ๊ยหม๊ะ เล่าว่า ขนมดอกลำเจียก คือขนมโบราณของหมู่บ้านสะพานไม้แก่นที่เคยเลือนหายไปนานหลายสิบปี แต่ได้ถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งด้วยความพยายามของ #กลุ่มกรีนไม้แก่น โดยได้รับความช่วยเหลือจาก ผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ที่ร่วมกันรื้อฟื้นสูตรและวิธีการทำ ขนมนี้ทำจาก แป้งข้าวเหนียวละลายกับน้ำกะทิห่อไส้มะพร้าวผัด มีรูปลักษณ์คล้าย ดอกลำเจียก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อขนม เมื่อนำกลับมาทำและจำหน่ายใน งานอะโบ๊ยหม๊ะ ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะจาก คนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบรสชาติ ทำให้ขนมดอกลำเจียกไม่ได้เป็นเพียงแค่อดีต แต่ยังคงมีลมหายใจและถูกสืบทอดต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขนม

อาจารย์เอกลักษณ์ รัตนโชติ Ekkalak Max ให้ข้อมูลว่า ขนมชนิดนี้คล้ายกับ ขนมบูหงาบูดะ (กร่อนมาจาก #บูหงาปูดะ) ซึ่งเป็นขนมมลายูในจังหวัดสตูล โดยคำว่า “บูหงาปูดะ” แปลว่า “ดอกลำเจียก” เช่นกัน แต่มีความแตกต่างกันที่วิธีการห่อ โดยบูหงาบูดะของสตูลมักห่อเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขณะที่ขนมดอกลำเจียกของสะพานไม้แก่นจะห่อแบบพับครึ่ง ทำให้มีลักษณะเหมือนดอกลำเจียกตามธรรมชาติมากกว่า

เชิงอรรถ

1] อ่านเพิ่มเติมเรื่องต้นลำเจียก : https://www.matichon.co.th/weekly/column/article_95977

2] ดอกลำเจียก : https://www.facebook.com/share/p/16rLm6vKYG/

3] ขนมบูหงาบูดะกร่อนมาจาก บูงาปูดะ ที่สตูล : https://www.facebook.com/share/p/16yDHfTJhX/ (บูดะ แปลว่า เด็ก/,ปูดะ ดอกลำเจียก)

4] ขนมเกสรดอกลำเจียกที่จังหวัดอ่างทอง https://www.easycookingmenu.com/…/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0…

บ้านคุณห่อแป้งข้าวหมากด้วยใบพืชอะไร?

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา การเดินทางเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตที่บ้านคลองข่า อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ได้นำพาไปสู่การค้นพบอันน่าทึ่ง นั่นคือ #แป้งข้าวหมาก_ที่ห่อด้วยใบปอ ซึ่งเป็นพืชพื้นถิ่นริมทะเล ไม่ใช่ใบตองอย่างที่เคยคุ้นเคย ดวงตาอันเฉียบคมของ #ฉาน เหลือบไปเห็นแป้งข้าวหมากห่อใบปอที่วางขายอยู่ริมทาง จนต้องรีบสั่งให้รถเลี้ยวกลับทันที ทุกคนบนรถต่างยอมรับในความตาดีของฉาน (555555) Nukio สิ่งที่ทำให้แป้งข้าวหมากนี้พิเศษคือรูปทรงที่สวยงามคล้ายพีระมิด เมื่อแกะออกดูจึงพบกับวิธีการพับที่ซับซ้อนและประณีต ทำให้ฐานไร้รอยรั่ว ป้องกันไม่ให้น้ำแป้งข้าวหมากหกเลอะเทอะได้อย่างชาญฉลาด

ความงามนี้ไม่ได้มีแค่เพียงรูปลักษณ์ แต่ยังสะท้อนถึงวิถีชีวิตที่กลมกลืนกับธรรมชาติ การนำพืชพรรณใกล้ตัวมาใช้ประโยชน์ได้อย่างสร้างสรรค์และน่าทาน ผมกับทีม เหมาแป้งข้าวหมากทั้งหมด เพื่อนำไปจัดแสดงในนิทรรศการ และแบ่งปันเรื่องราวพร้อมให้ผู้ร่วมงานได้ลิ้มลอง สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาที่ถูกส่งต่อผ่านบรรจุภัณฑ์เรียบง่าย แต่แฝงไว้ซึ่งความชาญฉลาดและคุณค่าอันงดงามของคนในท้องถิ่น

ยำหัวพ้อ(ต้นกะพ้อ) ในงานอะโบ๊ยหมะ ครั้งที่ 11 จัดโดยเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น

.

https://www.facebook.com/share/p/1DuvGKSDgT

.

https://www.facebook.com/share/p/1Wzx8riqj3

.

สามารถ สาเร็ม

คนแขกลุ่มทะเลสาบ ที่ชอบตามหาของแปลก ๆ ตามตลาดนัด

ใส่ความเห็น