วัดบูรณาราม ตำบลท่าวัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช มีลานผูกนึงชื่อว่า จ่าบาญชีคัมภีร์ เป็นทะเบียนคัมภีร์ใบลานทางพุทธศาสนาแยกตามหมวด สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2383 สมัยรัชกาลที่ 3 โดยแบ่งหมวดของคัมภีร์เป็น 6 หมวดคือ


1 หมวดพระวินัยปิฎก 39 คัมภีร์ 521 ผูกกับ 6 ใบ
2 หมวดพระสุตตันตปิฏก 165 คัมภีร์
3 หมวดพระอภิธรรมปิฏก 60 คัมภีร์ 762 ผูกกับ 4 ลาน จบพระปรมัตถ์ 2 ผูกกับ 4 ใบ
4 หมวดศัพท์เก่า 36 คัมภีร์ หาย 5 คัมภีร์
5 หมวดศัพท์ใหม่ 14 คัมภีร์
6 หมวดสัททาวิเสส 40 คัมภีร์
โดยแสดงรายชื่อคัมภีร์ พร้อมจำนวนผูกสงเคราะห์เข้ารายหมวด


เนื่องจากรายการคัมภีร์ไม่ได้ครบถ้วนตามสารบบคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเท่าที่ตรวจสอบได้จากทะเบียนของหอสมุดแห่งชาติ เป็นไปได้ว่าจ่าบาญชีคัมภีร์ผูกนี้คือทะเบียนคัมภีร์ใบลานของวัด แต่ก็ยากจะบอกได้ว่าคือทะเบียนคัมภีร์ของวัดบูรณารามนี้ หรือนำมาจากที่อื่น อย่างน้อยจากการลงวรรณยุคเอกโทแบบสำเนียงนคร ใบลานผูกนี้ควรจะสร้างขึ้นในเมืองนครศรีธรรมราชนี้

จากการสำรวจคัมภีร์ใบลานที่มีในวัดบูรณารามในปัจจุบัน โดยเฉพาะใบลานที่ระบุศักราชและรูปอักษรก่อน พ.ศ.2383 พบว่าไม่สอดคล้องกับรายการที่ปรากฏในจ่าคัมภีร์ผูกนี้ แต่เนื่องจากผ่านกาลเวลามาร้อยปีเศษก็อาจเป็นไปได้ว่าความครบถ้วนสมบูรณ์ที่เคยมีได้สูญเสียสถานภาพลงไปตามกาลเวลา

การแบ่งหมวดหมู่คัมภีร์เช่นนี้มีลักษณะคล้ายกับตำราไตรปิฎก ซึ่งเป็นทะเบียนรายการคัมภีร์ทางพุทธศาสนาในสมัยอยุธยาพบที่วัดโพธาราม พุมเรียง ไชยา สำรวจโดยรองศาสตราจารย์ศานติ ภักดีคำร่วมกับสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ซึ่งแบ่งคัมภีร์ทางพุทธศาสนาออกเป็น 4 หมวดได้แก่


1 หมวดพระวินัยปิฎก
2 หมวดพระสุตตันตปิฏก
3 หมวดพระอภิธรรมปิฏก
4 หมวดสัททาวิเสส

ในงานสยามบาลีวรรณกรรม และวรรณกรรมบาลีฉบับแปลในภาคกลางและภาคเหนือ ของ รองศาสตราจารย์ศานติ ภักดีคำร่วมกับ อ.Peter Skilling ก็ยังใช้การแบ่งหมวดหมู่คัมภีร์เป็น 4 หมวดตามแนวทางนี้

ไม่ว่าจะถูกนำมาจากที่อื่น หรือเป็นของสร้างขึ้นในวัดนี้ การมีอยู่ของจ่าบาญชีคัมภีร์ผูกนี้ ช่วยทำให้เห็นโลกทัศน์ของการจัดการสารบบคัมภีร์ทางพุทธศาสนาของเมืองนครศรีธรรมราชว่าเป็นอย่างไร มีการรับรู้ถึงการมีคัมภีร์ใดบ้าง เช่น มีการกล่าวถึงจามเทวีวงศ์ 4 ผูก (สังเขป?) และ 12 ผูก (วิตถาน?)(พิศดาร)) (จากการจัดทำทะเบียนคัมภีร์ใบลานของวัดบูรณารามอย่างละเอียดไม่พบคัมภีร์เรื่องนี้อยู่ การระบุถึงจามเทวีวงส์จำนวน 4 ผูกนี้ดูเหมือนสอดคล้องกับคัมภีร์จามเทวีวงส์ที่พบในที่อื่น ๆ ซึ่งมีเนื้อความสมบูรณ์ทั้งหมด 5 ผูก แต่ผูก 2 ขาดหายไปในทุกที่เหลืออยู่เพียง 4 ผูก)

ที่ปกลานผูกนี้ยังมีข้อความน่าสนใจเขียนไว้สองบรรทัด คุณเอก จากหอสมุดแห่งชาติช่วยแนะนำการอ่านให้สมัยที่ยังอ่านตัวขอมไม่คล่อง ข้อความน่าสนใจทีเดียวครับ


————–
๑ เมิองแพฺรพฺรธาตุชือจอมฺแจงฺชอแหหุมทองแฑง
๒ เมิองลครพฺรธาตุชือเสฺฑจลำปางฺหุมทองแฑง

————–

การจัดการสารบบคัมภีร์ทางพุทธศาสนาของไทยยังมีหลายมาตรฐานมาก หรือแม้แต่ใช้การแบ่งหมวดใกล้เคียงกันแต่การสงเคราะห์คัมภีร์เข้าตามรายหมวดก็ไม่ตรงกันซะทีเดียว ยังไม่มีระบบกลางที่ใช้ร่วมกัน ก็เลยพยายามรีวิวดูว่าแล้วเมืองนครจะใช้ระบบใดดี

เนื่องมาจากคัมภีร์ใบลานของแต่ละวัดก็มีคาแรกเตอร์ต่างกัน เหมือนกับห้องสมุดแต่ละคนแต่ละหน่วยงานก็มีประเภทหนังสือที่สนใจต่างกัน ระบบการแบ่งหมวดที่ดีจะช่วยสะท้อนลักษณะพิเศษของหอคัมภีร์แต่ละวัดให้ปรากฏชัดขึ้นมาได้ อย่างกรณีวัดบูรณารามซึ่งพบคัมภีร์ในหมวดสัททาวิเสสในสัดส่วนที่มาก รองลงมาคือหมวดพระวินัย คัมภีร์ในหมวดพระสุตตันตปิฎกค่อนข้างน้อย สะท้อนลักษณะเฉพาะตัวของหอคัมภีร์วัดนี้ที่มีการเล่าเรียนบาลี และเกี่ยวข้องกับการปกครองคณะสงฆ์ ขณะที่วัดจันทารามซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกันกลับพบความหลายหลายของคัมภีร์ที่มากกว่าโดยเฉพาะในหมวดพระสุตตันตปิฏก คัมภีร์ในหมวดสัททาวิเสสมีจำนวนน้อยกว่ามากเป็นต้น แต่ยังมีคัมภีร์ที่หลายสำนักจีดเข้าเป็นหมวดปกรณ์วิเสสจำนวนมากถ้าออกแบบการจัดหมวดหมู่ที่ดีไม่กว้างเกินไป ไม่ซอยย่อยจนซับซ้อนเกินไป การทำความเข้าใจภาพรวมของธรรมชาติเอกสารแต่ละวัดก็จะง่ายขึ้น

ใบลานผูกนี้เดิมจัดแสดงอยู่ร่วมกับประกับคัมภีร์รดน้ำเซิงหวาย ต่อมาโครงการวิจัยการสำรวจและสำเนาข้อมูลเอกสารตัวเขียน 4 ภูมิภาค ในฐานะมรดกความทรงจำของชาติและหลักฐานการรู้หนังสือของบรรพชนไทยได้เข้ามาทำสำเนาดิจิทัล มีการศึกษาเผยแพร่บางส่วนในหนังสือรวมบทความเนื่องในการประชุมวิชาการระดับชาติของโครงการ ทราบจาก อาจารย์หัวหน้าโครงการว่าเอกสารโบราณที่ดิจิไทซ์จะเผยแพร่ในฐานข้อมูลของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร

ใส่ความเห็น