
จากที่ผู้เขียนได้นำเสนอเรื่องราวของ “ปลาคางโคะ” หรือ “ปลาหัวโบ่ง” หรือ “หัวโม่ง” ไปแล้วก่อนหน้านี้ในบทความเรื่อง “คางโคะ” : ปลาแห่งลุ่มเลสาบสงขลากับหลากหลายเมนูหรอย (อ่านได้ใน : https://shorturl.asia/No1DH ) ได้นำเสนอไว้ว่าชื่อปลาที่เรียกกันในลุ่มเลสาบนั้นมีหลายชนิดเรียกด้วยชื่อ “ภาษามลายู” วันนี้จึงขอนำท่านผู้สนใจได้มารู้จักกับปลาอีกชนิดคือ “ปลาขี้โร่ง” อาจไม่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปเหมือนปลาคางโคะ เพราะเป็นปลาที่จับได้น้อย ราคาซื้อขายไม่แพงและไม่มีเครื่องมืประมงที่ใช้จับโดยเฉพาะ ผู้เขียนเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ลูกหลานชาวลุ่มเลสาบหลายคนไม่รู้จักปลาชนิดนี้กันแล้ว
ชื่อเรียกขี้โร่งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าเรียกกันในกลุ่มคนมุสลิมเช่น ที่บ้านควน ตำบลคูเต่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา[1] บ้านท่าเสา ตำบลสทิงหม้อ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา[2] บ้านชุมพลชายทะเล ตำบลชุมพล อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา[3]หากินในทะเลอ่าวไทย บ้านม้างอน ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา และพบว่าบ้านหัวเขา ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา[4]เรียกว่า “ขี้โล่ง” (เสียง ร กับ ล มีความใกล้เคียงกันจึงใช้แทนกันได้) ในขณะที่คนไทย(นับถือศาสนาพุทธ) เช่นในตำบลชะแล้ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เรียกว่า “ปลาข้างลาย” ขยับขึ้นมาที่ลุ่มน้ำปากพนังพบว่าคนไทยที่บ้านบางควาย ตำบลท่าไร่ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราชก็เรียกว่า “ปลาข้างลาย” เช่นกัน[5] ซึ่งเป็นการเรียกตามลักษณะเด่นของปลาชนิดนี้นั่นเองเพราะมีลายอยู่ข้างลำตัวทั้งสองด้าน
ขี้โร่ง คำนี้มีที่มา
“ขี้โร่ง” ชื่อปลาที่เราเรียกกันอยู่ทุกวันนี้เป็นชื่อท้องถิ่นของคนลุ่มเลสาบมีรากจากภาษามลายูกลางคือ “ikan Kerong” อ่านว่า “อีกัน กือรง หรือ เกอรง หรือ กีรง ”[6] (อีกันแปลว่าปลา) คำว่า “ขี้โร่ง” จึงเพี้ยนมาจากคำว่า “กือรง” หรือ เกอรง หรือ กีรง นั้นเอง พจนานุกรมภาษามลายู (Kamus Dewan) ของประเทศมาเลเซียให้ความหมายคำว่า “Kerong” ไว้ว่า “ชื่อเรียกปลาทะเล”[7] ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าปลาที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า Ke ในภาษามลายู คนลุ่มเลสาบของเราจะเรียกเพี้ยนเป็น “ขี้” มีหลายชนิดเช่น “ปลาขี้ตัง” ชื่อมลายูกลางคือ “กีตัง” “Kitang” หรือ “ปลาขี้เกะ” ชื่อมลายูกลางคือ “กีเก๊ะ” (Kekek)
ทั้งนี้คุณมาลิกี อารง ให้ข้อมูลว่าภาษามลายูถิ่นที่จังหวัดนราธิวาส (แกเเจะนายู) ที่บ้านของเขาเรียกว่า “อีแก กีฆง” (อีแกแปลว่าปลา) ส่วนคำว่า “ฆง” นั้นกร่อนมาจากคำว่า “Rong” นั่นเอง เนื่องจากเสียง ร เพี้ยน ฆ ได้ในภาษามลายูถิ่นที่ใช้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกัลยานมิตรของผู้เขียนคุณ “Adi Assauri” ชาวมลายูกลันตันให้ข้อมูลว่าภาษามลายูกลันตันเรียกว่า อีแก กีรง (ikae kirong) จากข้อมูลที่ยกมานำเสนอนี้จะพบว่าคำเรียก ขี้โร่ง ของคนลุ่มเลสาบนั้นมีความใกล้เคียงกับมลายูกลางมากกว่ามลายูถิ่นสามจังหวัดชายแดนใต้ (แกเเจะนายู)

ภาพปลาขี้โร่ง จากรัฐกลันตันประเทศมาเลเซีย ภาพจากคุณAdi Assauri
และผู้เขียนได้สืบค้นข้อมูลในเว๊บไซด์ “Taik about Fish”[8] ให้ข้อมูลไว้ว่าปลาขี้โร่งมีทั้งหมด ๕ ชนิดแต่ละชนิดมีชื่อวิทยาศาสตร์ และชื่อมลายูอื่น ๆ ที่แตกต่างกันขอยกมานำเสนอดังนี้
๑.ชื่อมลายู Kerong Enam Jalur มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Helotes sexlineatus (Quoy & Gaimard, 1825) ชื่อสามัญภาษาไทย: ปลาข้างเขือ
๒.ชื่อมลายู Kerong Empat Jalur, Gendang มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pelates quadrilineatus (Bloch 1790) ชื่อสามัญภาษาไทย: ปลาข้างลายสี่แถบ
๓.ชื่อมลายู Ikan kerong, Mengkerong, Kekerong, Kerong Jalur มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Terapon jarbua (Forsskål, 1775) ชื่อสามัญภาษาไทย: ปลาข้างลายแถบโค้ง
๔.ชื่อมลายู Ikan Kerong, Mengkerong, Kekerong, Kerong Padi มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Terapon puta Cuvier, 1829 ชื่อสามัญภาษาไทย: ปลาข้างลายเกล็ดเล็ก
๕.ชื่อมลายู Ikan Kerong, Mengkerong, Kekerong, Kerong Batu มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Terapon theraps Cuvier, 1829 ชื่อสามัญภาษาไทย: ปลาข้างลายเกล็ดใหญ่
ปลาขี้โร่งที่ผู้เขียนนำภาพมาประกอบในบทความข้างบนคือ “ปลาขี้โร่ง” (ในข้อ ๕) ถ่ายจากบ้านควน ตำบลคูเต่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Terapon theraps Cuvier, 1829 และมีชื่อมลายูคือ Ikan Kerong, Mengkerong, Kekerong, Kerong Batu ชื่อสามัญภาษาไทยว่า ปลาข้างลายเกล็ดใหญ่ และหนังสือปลาในลุ่มทะเลสาบ หนังสือชุดโครงการศึกษาและรวบรวมข้อมูลสารสนเทศและแผนที่ความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรทางทะเล ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา (๒๕๕๒) เก็บข้อมูลเรื่องปลาขี้โร่งไว้ทั้งหมด ๔ ชนิด[9] โดยบันทึกชื่อเรียกของปลาชนิดนี้ด้วยชื่อภาษาไทยผู้เขียนเข้าใจว่าเป็นชื่อสามัญของปลาชนิดนี้ มีรายละเอียดดังนี้
๑.ปลาช้างลายสี่แถบ
๒.ปลาช้างลายแถบโค้ง
๓.ปลาช้างลายเกล็ดเล็ก ปลาช้างตะเภา ปลาออกแอด
๔.ปลาช้างลายเกล็ดใหญ่ ลักษณะ ลำตัวป้อม แบนข้าง เกล็ดมีขนาดใหญ่ หนามที่กระดูปิด เหงือกส่วนท้ายอันล่างใหญ่กว่าอันบน ครีบหางเว้า ครีบหลังมีก้าน ครีบแข็ง ๑๑ – ๑๒ ก้าน ก้านครีบอ่อน ๙ – ๑๑ ก้าน ครีบก้นมีก้านครีบแข็ง 3 ก้าน ระบุข้อมูลว่าพบได้ในทะเลสาบตอนกลาง ทะเลสาบตอนล่าง ปากเลสาบชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและแนวปะการังเกาะหนูเกาะแมว

ที่มา : ศักด์อนันต์ ปลาทอง.(๒๕๕๒).หัวหน้าโครงการศึกษารวบรวมข้อมูลสารสนเทศและแผนที่ความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรทางทะเล ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา.ปลาในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา.พิมพ์ครั้งที่ ๑.สงขล : ไอดีไซน์
ดังที่ผู้เขียนได้กล่าวไปแล้วว่าในพื้นที่ลุ่มเลสาบในกรณีของมุสลิมนั้นแม้ว่าปัจจุบันจะใช้ภาษาไทยถิ่นใต้เป็นภาษาแม่แต่เป็นกลุ่มมุสลิมที่มีจารีตวัฒนธรรมความเป็นมลายู – ชวา หลายประการ อาทิ จารีตคำเรียกเครือญาติ ประเพณีในวิถีชีวิต ดังนั้นการเรียกชื่อปลาด้วยภาษามลายู ผู้เขียนเชื่อว่า เนื่องจากชื่อของปลาเป็นชื่อเฉพาะเมื่อลูกหลานคนรุ่นหลังเปลี่ยนภาษาพูดเป็นไทยถิ่นใต้แทน ด้วยเหตุนี้จึงยังเรียกชื่อปลาด้วยภาษามลายูตามการเรียกของบรรพบุรุษ แม้ว่าจะมีเสียงที่ต่างไปจากภาษามลายูกลางอยู่บ้างแต่ก็ยังสามารถสะท้อนรากเหง้าที่มาได้อย่างชัดเจน และนี่ก็คือปลาอีกหนึ่งชนิดที่สะท้อนรากเหง้ามลายู ร่องรอยมลายู ในพื้นที่ลุ่มเลสาบได้เป็นอย่างดี เมนูจากปลาขี้โร่งนั้นสามารถทำได้หมดทั้ง แกง ต้ม หรือทอด โดยเฉพาะแกงส้มนิยมทำกินกันมากกว่าเมนูอื่น ๆ
อ้างอิง
[1] ข้อมูลจากหมู่บ้านของผู้เขียน
[2] ขอบคุณข้อมูลจากคุณคอเร็ด พันธุ์เจริญ มุสลิมบ้านท่าเสา ตำบลสทิงหม้อ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
[3] ขอบคุณข้อมูลจากคุณสรีเหย๊ะ หลีกันฉ๊ะ มุสลิมบ้านชุมพลชายทะเล ตำบลชุมพล อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
[4] ขอบคุณข้อมูลจากคุณยุทธนา จิตต์โต๊ะหลำ มุสลิมบ้านหัวเขา ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
[5] ขอบคุณข้อมูลจากคุณสุมาลี สุโขพน คนไทย บ้านบางควาย ตำบลท่าไร่ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
[6] อาจารย์ศุภกิจ ศิริเมธากุล.(๒๕๖๖,๑๖ ธันวาคม).[สัมภาษณ์]
[7] Kekek.Kamus Dewan.สืบค้นใน : https://citly.me/uAMwx
[8] ช้อมูลเรื่องปลาขี้โร่งในภาษามลายูสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ใน : https://shorturl.asia/IyWu2
[9] ศักด์อนันต์ ปลาทอง.(๒๕๕๒).หัวหน้าโครงการศึกษารวบรวมข้อมูลสารสนเทศและแผนที่ความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรทางทะเล ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา.ปลาในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา.พิมพ์ครั้งที่ ๑.สงขลา : ไอดีไซน์